การออกกำลังกาย
การมีสุขภาพที่ดีนั้น เป็นเรื่องที่ทุกคนปรารถนา ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า “อโรคา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ซึ่งการที่เราจะมีสุขภาพที่ดีได้นั้น เราทุกคนสามารถสร้างขึ้นเองได้ด้วยตนเอง คือการดูแลรักษาสุขภาพของตนเองเช่นการพักผ่อนที่เพียงพอ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายนั้น เป็นเหมือน ยาบำรุง ยาป้องกัน และ ยารักษาโรค เป็นอย่างดี ดังนั้น การออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อทุกเพศทุกวัย
การออกกำลังกาย จึงหมายถึง การประกอบกิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้ร่างกายหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดการเคลื่อนไหว และมีผลให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดความสมบูรณ์แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธภาพ
ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
- ด้านร่างกาย ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
- ด้านจิตใจ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สามารถปรับตัว เมื่อได้รับความเครียดได้ดี
- ด้านสติปัญญา ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะมีความสามารถในการแก้ปัญหา มีความคิดสร้างสรรค์
- ด้านสังคม ทำให้เรามีการพบปะผู้คนมากขึ้น ช่วยเพิ่มวุฒิภาวะทางสังคม
ก่อนที่เราจะออกกำลังกาย เราจะต้องเลือกเสื้อผ้า เลือกรองเท้าให้เหมาะสม ไม่คับหรือตึงรัดจนเกินไป เมื่อเราได้ เสื้อผ้าและรองเท้าที่เหมาะสมแล้ว เราจะต้องทำการอบอุ่นร่างกาย (Warm up) เป็นเวลา 10-15 นาที เพื่อให้ร่างกายได้มีความยืดหยุ่น ข้อต่อสามารถทำงานได้เต็มที่ การอบอุ่นร่างกายต้องเริ่มขึ้นอย่างช้าๆ ให้ระบบไหลเวียนและระบบหายใจค่อยๆ เพิ่มขึ้น
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราก็เริ่มออกกำลังกาย อาจจะเป็นการเดิน การวิ่ง การเล่นโยคะ การเล่นพีลาทิส ระยะเวลาของการออกกำลังกายควรจะ 30-60 นาที สำหรับผู้ที่เริ่มออกกำลังกาย ควรจะมีช่วงเวลาของการพัก เช่น ถ้าเราวิ่งออกกำลังกาย ไปได้ 5 นาที ก็ควรจะพักสัก 1 นาที ทีนี้เรามาดูกันค่ะว่าการออกกำลังกายนั้นมีกี่ประเภท
การออกกำลังกาย แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1.แอนาแอโรบิค (Anaerobic) คือ การออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญพลังงาน เช่น การเล่นเวท หรือ ยกน้ำหนัก (Weight Training) กล้ามเนื้อที่ได้จะเป็นมัดๆ พลังงานที่เผาผลาญจะไม่ใช่ไขมัน แต่จะเป็นพลังงานสะสมที่ร่างกายเก็บไว้ที่กล้ามเนื้อและตับ
2.แอโรบิค (Aerobic) คาร์ดิโอ (Cardio) คือการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน ช่วยในการเผาผลาญไขมันไปใช้เป็นพลังงาน เป็นการออกกำลังกายที่ต้องอาศัยความต่อเนื่อง ค่อยเป็นค่อยไป โดยใช้ระยะเวลาไม่ต่ากว่า 30 นาที เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค หากเราต้องการเผาผลาญไขมันส่วนเกินจะต้องออกกำลังกายด้วยวิธีนี้จะดีกว่า
หลังจากออกกำลังกาย เราก็จะต้องมีการคลายกล้ามเนื้อ (Cool Down) เพราะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้เลือดไหลกลับเข้าสู่หัวใจ เพื่อเป็นการป้องกันการบาดเจ็บที่ดีกว่าช่วง Warm up การ Cool Down ควรใช้เวลา 5-10 นาที ท่าที่ใช้ในการทำ Cool Down อาจจะเป็นการเดินช้า ๆ วิ่งเหยาะ ๆ หรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ความสำคัญของการออกกำลังกาย จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ป้องกันโรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคอ้วน โรคข้อเสื่อม โรคเบาหวาน และยังเป็นตัวช่วยในการควบคุมน้ำหนักช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดความเครียด และนอนหลับพักผ่อนได้ดีขึ้น เมือเราเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการออกกำลังกายแล้ว เราควรออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3-5 วัน โดยไม่หักโหมจนเกินไป