KJDOO.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาการใช้งานของคุณ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ที่จะมาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเรา หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถช่วยกำจัดฝุ่นละอองขนาดเล็กได้

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น

ไม่ว่าจะเป็น ดูดฝุ่น เศษผง เศษขนสัตว์  ด้วยตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีขนาดกะทัดรัด สามารถทำความสะอาดได้อย่างทุกซอกทุกมุม

ช่วยให้เราประหยัดเวลาในการทำความสะอาด และมีประสิทธิภาพกว่าที่เราลงมือทำเองอีกด้วย  และหุ่นยนต์ดูดฝุ่นบางรุ่นยังสามารถตั้งเวลาทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ ทำให้เรามีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น มี 2 ประเภท

สารบัญ

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ถูพื้นแบบแห้ง

โดยจะมีผ้าม็อบไมโครไฟเบอร์ ที่ใช้สำหรับการถูพื้นติดด้านท้ายมาด้วย แต่ไม่มีถังน้ำมาให้

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ถูพื้นแบบเปียก

จะมีถังน้ำขนาดเล็กติดอยู่ที่ท้ายเครื่องมาด้วย และมีผ้าม็อบไมโครไฟเบอร์อยู่ด้านล่าง ซึ่งจะถูพื้นได้อย่างสะอาดหมดจด

ซึ่งจะเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้งานของคุณและงบประมาณของคุณเอง

วิธีเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น

1.ความจุกล่องเก็บฝุ่น

ส่วนมากจะมีขนาด  200 – 800 มิลลิลิตร  ถ้าไม่อยากเสียเวลานำเศษขยะไปทิ้งบ่อย ควรจะเลือกขนาดความจุที่มีขนาดใหญ่ไปเลย

2. โหมดการทำงาน

สำหรับโหมดการทำงานพื้นฐานของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ต้องมีคือ โหมดอัตโนมัติ  โหมดทำความสะอาดเฉพาะจุด และทำความสะอาดแบบซิกแซ็ก ส่วนโหมดอื่น ๆ เช่นการทำความสะอาดตามมุมห้อง หรือโหมดวิเคราะห์ขนาดพื้นที่ห้อง อาจจะอยู่ในเครื่องรุ่นที่มีราคาค่อนข้างสูง

3. ความจุแบตเตอรี่ และระบบชาร์จ

โดยรวมแล้วควรมีระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และควรมีระบบแท่นชาร์จแบบอัตโนมัติ โดยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะวิ่งกลับไปหาแท่นชาร์จเองเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด หรือทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณได้มากขึ้นไปอีก

4. ระบบแปรงปัดฝุ่น

ระบบแปรงปัดฝุ่น จะมีอยู่ด้านหน้าตัวเครื่องอย่างน้อย 2 ข้าง ซ้ายและขวา เพื่อทำหน้าที่กวาดเศษขยะและฝุ่นผงต่าง ๆ เข้าสู่ท่อดูดฝุ่นใต้ตัวเครื่อง ความกว้างของแปรงปัดฝุ่นยิ่งกว้างก็สามารถปัดฝุ่นได้มาก และบ้านไหนที่เลี้ยง น้องหมา น้องแมว ควรเลือกรุ่นที่มีแปรงดักจับขนสัตว์เพิ่มขึ้นด้วยเพราะมันจะช่วยทำความสะอาดได้อย่างหมดจด

โดยรวมแล้วควรมีระยะเวลาการทำงานต่อเนื่องประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และควรมีระบบแท่นชาร์จแบบอัตโนมัติ โดยหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจะวิ่งกลับไปหาแท่นชาร์จเองเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด หรือทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณได้มากขึ้นไปอีก

5. ความดังของเสียง

ความดังของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ควรมี ระดับเสียง 62- 76 เดซิเบล คือระดับมาตรฐาน

6. เซ็นเซอร์กันตกจากที่สูง

เป็นอีกฟังก์ชั่นของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จะต้องมีไว้ เพราะหากไม่มีเซ็นเซอร์กันตกจากที่ทางต่างระดับหรือที่สูง คงเป็นอันตรายต่อตัวเครื่องอย่างแน่นอน

7. แผ่นกรองอากาศ HEPA

การเลือกแผ่นกรองอากาศ ควรเป็นแบบ HEPA ซึ่งมีความสามารถ ในการกรองอนุภาค ได้เล็กถึง 0.3 ไมครอน

8. ฟีเจอร์อื่น ๆ

เช่น สามารถเป็นทั้ง หุ่นยนต์ดูดฝุ่น และ หุ่นยนต์ถูพื้น ในเครื่องเดียวกัน สามารถควบคุมการทำงานด้วยรีโมท เพื่อสั่งงานระยะไกลและสามารถตั้งเวลา การทำงานล่วงหน้าได้

รวมถึงต้องดูขนาดของห้องเราด้วยว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถทำความสะอาดครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วถึงกี่ ตร.ม. มีระบบทำความสะอาดข้ามห้องหรือไม่

ลองมาดู 10 ยี่ห้อแนะนำหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ยี่ห้อไหนดี

1.หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot รุ่น HYBRID

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น HYBRID เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ที่รวมหุ่นยนต์ดูดฝุ่น และ หุ่นยนต์ถูพื้น มารวมไว้ในเครื่องเดียวกัน พร้อมโปรแกรมทำความสะอาด โหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ

โหมดทำความสะอาดเฉพาะจุด ทำความสะอาดโดยเลาะขอบผนัง และทำความสะอาดอัตโนมัติ ตามเวลาที่ตั้งไว้

เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่จะทำความสะอาดบ้านของคุณอย่างเป็นระบบและอัตโนมัติ ทั้งยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน ช่วยให้ประหยัดเวลา

ไม่ต้องเหนื่อยกับเรื่องงานบ้านอีกต่อไป ยังช่วยทำความสะอาดพื้นได้หมดจด มีฟิลเตอร์กรองฝุ่นถึง 3 ชั้น จึงสามารถกำจัดฝุ่นได้อย่างหมดจดจริง ๆ

แม้ไรฝุ่นเล็ก ๆ ก็กำจัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ  ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 120 – 150 ตารางเมตร แบตเตอรี่เป็น

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี

แบบ ลิเธียมไอออน มีความจุ 2,600 mAh เวลาชาร์จ 6 – 8 ชั่วโมง และระยะเวลาในการทำงานต่อเนื่องนาน 3 ชั่วโมง และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด สามารถวิ่งกลับแท่นชาร์จได้เองอัตโนมัติ

ข้อดี
ข้อด้อย

2. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot รุ่น SATURN X2

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น SATURN X2 Mister Robot Mister Robot หุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะมาช่วยคุณทำความสะอาดได้หมดจด เข้าถึงทุกซอกมุม ใช้งานง่าย

ทั้งสะดวกและประหยัดเวลาสุด ๆ พร้อมกล่องเก็บฝุ่นมีความจุถึง 300 ml. ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม ความจุ 2,600 mAh

สามารถทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานสูงสุดถึง 120 – 150 นาที ควบคุมด้วย Remote Control เพื่อความสะดวกสบายในการควบคุม สามารถทำงานผ่านพื้นต่างระดับได้

เมื่อทำความสะอาดครบทุกพื้นที่ก็จะกลับแท่นชาร์จได้อย่างรวดเร็ว สะอาด ครบ จบในเครื่องเดียว ทั้งดูดฝุ่นและถูพื้น รับประกันอุปกรณ์ภายในเครื่องถึง 1 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

3. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ ECOVACS DEEBOT MINI2

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Ecovacs ดีไซน์โดดเด่นสะดุดตา ตัวเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัด จัดเก็บได้สะดวก ไม่เปลืองพื้นที่ มาพร้อมพลังดูดที่ยอดเยี่ยม ดูดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ดี

แถมใช้งานได้แทบทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นพรม พื้นไม้ หรือพื้นกระเบื้อง พร้อมกับการทำงานแบบ 3 in 1 ทั้งการกวาด ดูด และถูพื้นเสร็จสรรพในขั้นตอนเดียว

มีระบบ Smart Move ที่สามารถจดจำและวัดระยะทางในการทำความสะอาดได้อย่างแม่นยำ พร้อมระบบป้องกันเครื่องหล่นจากที่สูง ชาร์จไฟ 1 ครั้ง ใช้งานได้ 100 นาที

โหมดการทำความสะอาดแบบกำหนดเป้าหมาย พร้อมชุดตัวเลือกที่มีตั้งแต่โหมด Auto สำหรับการทำความสะอาดทั่วไป โหมด Edge

สำหรับการทำความสะอาดขอบที่เฉพาะเจาะจง และโหมด Spot ทำความสะอาดเป็นตำแหน่งอย่างละเอียด

ด้วยแอพพลิเคชั่น ECOVACS สามารถเชื่อมต่อ และควบคุมการทำงานเครื่องดูดฝุ่นหุ่นยนต์ได้ตลอดเวลา รับประกัน 1 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

4. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ถูพื้น AUTOBOT รุ่น MINI robot vacuum cleaner

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น MINI AUTOBOT นวัตกรรมสุดล้ำใช้งานสะดวก สามารถดูดฝุ่น และถูพื้นในเครื่องเดียว ทำให้บ้านคุณสะอาดโดยไม่ต้องเปลืองแรง ด้วยขนาด กะทัดรัด

พอดีไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป ทำให้ง่ายต่อการเข้าไปทำความสะอาดในซอกมุมต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ  แบตเตอรี่จุ 800 mAh

ใช้งานติดต่อกันได้นานประมาณ 50 นาทีทำความสะอาดครอบคลุมพื้นที่ 40 ตร.ม. สามารถเข้าไปทำความสะอาดในพื้นที่ที่ยากเข้าถึง

เช่น ใต้โซฟาหรือใต้โต๊ะได้เป็นอย่างดี การทำความสะอาดด้วยระบบ Motion Patterns ซึ่งทำความสะอาดแบบลัดเลาะ

มีเซ็นเซอร์ป้องกันการตกจากที่สูง จะช่วยหลีกเลี่ยงการตกจากต่างระดับที่มีความสูงกว่า 10 ซม. พร้อมรับประกัน 1 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

5. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ Philips SmartPro Easy FC8792/01

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นPhilips SmartPro Easy เพียงเปิดเครื่องขึ้น เครื่องก็จะเริ่มทำความสะอาดพื้นของคุณในทันที ซึ่งใช้งานได้ง่ายมาก ดีไซน์ที่บางและกะทัดรัดมาก

ซึ่งช่วยให้คุณสามารถทำความสะอาดพื้นที่ข้างใต้ที่มีระดับต่ำได้ ทำความสะอาดสูงสุดในระบบอัตโนมัติเพียง 2 ขั้นตอน เพื่อดักจับฝุ่นและสิ่งสกปรก

โดยแปรงด้านข้างจะกวางฝุ่นทั้งหมด ในขณะที่พลังดูดแรงสูงจะดูดฝุ่นทั้งหมดเข้าไป  มีโหมดการทำความสะอาด 4 โหมด แต่จะไม่มีระบบถูพื้น

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  หูฟัง ON EAR ยี่ห้อไหนดี

มีระบบตรวจจับอัจฉริยะ เซ็นเซอร์มากสูงสุดถึง 23 ตัวและ Accelerometer เข้าด้วยกัน ทำให้หุ่นยนต์มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง รุ่นนี้รับประกัน 2 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

6. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Samsung Robot VR10M7020UW

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น POWERbot แรงดูด 10 วัตต์ ช่วยทำความสะอาดพื้นได้อย่างหมดจด แปรงกวาดฝุ่นที่ซ่อนอยู่ จะเลื่อนลงมาเพื่อเก็บฝุ่นบริเวณมุมห้อง แปรง Widest Brush ทำความสะอาดพื้นที่กว้างขวางได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ด้วยพลังแรงดูดสูง 10 วัตต์ มอเตอร์เสียงเงียบและประหยัดพลังงาน ตั้งเวลาได้ กลับเข้าแท่นชาร์จเอง พร้อมเซ็นเซอร์ป้องกันการชนและการตกจากที่สูง

ขนาดกล่องเก็บฝุ่น 300 มิลลิลิตร แบตเตอรี่จุ 2600 mAh ใช้งานได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง รับประกัน 2 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

7. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mamibot รุ่น ProVac Plus2

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mamibot ProVac Plus2 อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านยุคใหม่ ทั้งดูดฝุ่น และถูพื้นได้  ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเดียว ก็จะทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมของบ้าน

ด้วยแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ความจุถึง 2,200 mAh ทำความสะอาดได้ยาวนานครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น พร้อมมี Sensor กันตกที่ตรวจจับพื้นที่ต่างระดับ

เพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดแบบอัตโนมัติอย่างเป็นระบบ ทั้งแบบสุ่ม แบบเฉพาะจุด และแบบเลาะขอบกำแพง เหมาะกับการทำความสะอาดห้องขนาดประมาณ 40 – 80 ตร.ม.  รับประกัน 1 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

8. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น HOMIE รุ่น Mini Plus

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น Mini Plus สามารถทำงานบนพื้นไม้ พื้นกระเบื้อง เสื่อน้ำมัน พรมขนสั้น เป็นต้น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีขนาดกะทัดรัด

ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดแบบอัตโนมัติอย่างเป็นระบบ ทั้งแบบสุ่ม แบบเฉพาะจุด และแบบเลาะขอบกำแพงอีกด้วย

ด้วยแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ความจุถึง 2,600 mAh ทำงานได้สูงสุดถึง 110 นาที ทำความสะอาดได้ยาวนานครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น รับประกัน 1 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

9. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot รุ่น HYBRID MAPPING

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Mister Robot รุ่น HYBRID MAPPING  หุ่นยนต์ทำความสะอาดคุณภาพดี ทำความสะอาดพื้นได้สะอาดหมดจด ใช้งานง่าย มาพร้อมงานดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย

มีระบบ Mapping System เดินทำความสะอาดอย่างเป็นระบบ สามารถเปลี่ยนจากหุ่นยนต์ดูดฝุ่น เป็น หุ่นยนต์ถูพื้นได้ง่าย ๆ สะอาดล้ำลึก 2 ขั้นตอนทั้งดูดทั้งถูในเครื่องเดียว

ด้วยถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ถึง 450 ml แบตเตอรี่ลิเธี่ยม 2,600 mAh ทำงานได้ยาวนาน 90 – 120 นาที

พร้อมฟิลเตอร์กรองฝุ่นอย่างละเอียดถึง 3 ชั้น ให้คุณบอกลาไรฝุ่นไปได้เลย Rotating Bristle Brush พลังดูดฝุ่นพร้อมกับแปรงหมุนบิดเกลียว ทำให้พื้นบ้านคุณสะอาดอย่างแน่นอน รับประกัน 1 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

10. หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Eazybots รุ่น Macaroon

หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัตโนมัติ รุ่น Macaroon Eazybots เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ใช้งานง่าย เพียงแค่กดปุ่ม เครื่องจะเดินทำงานโดยอัตโนมัติทันที มาพร้อมกับเทคโนโลยี Vacania

อ่านบทความเกี่ยวข้อง  ฟิลเตอร์ (Filter) ยี่ห้อไหนดี

ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดฝุ่น มีระบบความปลอดภัย จะตัดการทำงาน เมื่ออุณหภูมิสูงเกินที่กำหนด ล้อขับเคลื่อนที่สามารถหมุนได้ถึง 360 องศารอบตัว

เครื่องจะวิ่งแบบซุ่มทิศทาง ไปรอบ ๆห้อง  มีระบบตัวกรองอากาศ ช่วยให้ห้องมีอากาศที่สะอาดขึ้น

ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกวาดและดูด ทั้งพื้นที่เป็นที่โล่ง และ พื้นที่ที่เข้ามุมห้องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี  ใช้แบตเตอรี่มีความจุ 600 mAh

ระยะเวลาชาร์จประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง/ในการทำงานประมาณ 100 นาที ราคาก็ไม่แพง สำหรับคนที่มีงบน้อยแนะนำรุ่นนี้เลยค่ะ พร้อมรับประกัน 1 ปี

ข้อดี
ข้อด้อย

บทสรุป

จะเห็นได้ว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่นสามารถทำงานบ้านแทนเราได้อย่างสบาย ๆ ซึ่งเหมาะกับในยุคที่ต้องเร่งรีบ ทำงานแข่งกับเวลา

ดังนั้น พ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลาย ที่มีงานบ้านต้องทำมากมาย ทั้งงานบ้านและงานประจำ แต่ไม่มีเวลามาทำความสะอาด

ยิ่งหากอยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัดเช่นคอนโด อะพาร์ตเมนต์ และเลี้ยงสัตว์ หมา แมวด้วยแล้วขนก็จะร่วงทั้งวัน หุ่นยนต์ดูดฝุ่นจึงเป็นตัวช่วยให้กับท่านได้