KJDOO.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาการใช้งานของคุณ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

SOUND BAR ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะกับการใช้งานในปี 2024 

การเลือก SOUND BAR ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในปี 2024 เป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ เนื่องจากซาวด์บาร์สามารถยกระดับประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์และฟังเพลงได้อย่างมากมาย ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้มีตัวเลือกมากมายในตลาดที่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่รุ่นที่มีคุณภาพเสียงสูงสุดไปจนถึงรุ่นที่มีฟีเจอร์การใช้งานที่ทันสมัย มีหลายรุ่นที่น่าสนใจ มีฟีเจอร์และการออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานในบ้านอย่างครบครัน

วิธีการเลือกซื้อ Sound Bar

การเลือกซื้อ Sound Bar ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยดังนี้

  • ขนาดพื้นที่ห้องมีผลต่อกำลังเสียงและความก้อง ควรเลือก Sound Bar ที่มีขนาดและกำลังขับเหมาะสมกับขนาดห้อง
  • เลือก Sound Bar ที่มีขนาดใกล้เคียงกับโทรทัศน์เพื่อความสวยงามและสมดุล
  • ควรศึกษานวัตกรรมและสเปคของ Sound Bar อย่างละเอียด และเลือกซื้อในงบประมาณที่ตั้งไว้
  • ควรเลือก Sound Bar ที่มีการเชื่อมต่อที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่ใช้งาน เช่น HDMI, Optical, Bluetooth, Wi-Fi เป็นต้น
  • มีฟีเจอร์พิเศษ เช่น ระบบเสียงรอบทิศทาง การปรับแต่งเสียงผ่านแอพ หรือไฟ RGB ที่สามารถปรับแต่งได้

    10 SOUND BAR ยี่ห้อไหนดี

    หากคุณกำลังมองหา Sound bar ที่มีคุณภาพเสียงดีและเหมาะกับการใช้งานที่บ้าน ต่อไปนี้เป็น 10 ยี่ห้อที่แนะนำ

    1. SOUND BAR XIAOMI รุ่น REDMI SOUNDBAR

    รายละเอียดสินค้า

    sound bar Xiaomi รุ่น Redmi Soundbar เป็นลำโพงซาวด์บาร์ไร้สายที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับชมทีวีของคุณ ด้วยวัสดุ ABS และโลหะ ทำให้มีความทนทานและดูหรูหรา รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0, S/PDIF และ AUX เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ลำโพงมีขนาด 780 x 64 x 63 มม. และน้ำหนักสุทธิ 1.5 กก. พร้อมไดร์เวอร์ขนาด 45×80 มม. ที่ให้พลังเสียง 30W และการตอบสนองความถี่ 80Hz-20kHz

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    2. SOUND BAR LG รุ่น LG SN4.DTHALLK

    รายละเอียดสินค้า

    sound bar LG รุ่น LG SN4.DTHALLK ระบบเสียง 2.1 Ch กำลังขับ 300 วัตต์ มาพร้อมกับเทคโนโลยี DTS Virtual:X ที่จะนำคุณเข้าสู่ประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริงและเต็มอิ่ม ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและเรียบง่าย สามารถเข้ากับห้องทุกสไตล์ได้อย่างลงตัว ลำโพงครอบด้วยตะแกรงโลหะเพื่อป้องกันการกระแทกเสียหาย และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth, HDMI, Optical, และ USB ทำให้คุณสามารถรับชมความบันเทิงได้หลากหลายช่องทาง นอกจากนี้ Sub-Woofer ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับทีวีขนาด 40 นิ้วขึ้นไป

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    3. SOUND BAR SAMSUNG รุ่น HW-T420/XT

    รายละเอียดสินค้า

    SOUND BAR SAMSUNG รุ่น HW-T420/XT เป็นลำโพงซาวด์บาร์ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การรับชมทีวีของคุณ ด้วยระบบเสียง 2.1 แชนแนลและซับวูฟเฟอร์ขนาด 6.5 นิ้วที่ให้เสียงเบสทรงพลัง ลำโพงนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Dolby Digital 2.0 และ DTS 2.0 ที่ช่วยให้คุณสัมผัสเสียงโอบล้อมได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Smart Sound ที่ปรับเสียงอัตโนมัติเพื่อให้เข้ากับฉากที่รับชม และ Game Mode ที่ปรับเสียงอัตโนมัติเมื่อเชื่อมต่อกับเกม

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    4. SOUND BAR JBL รุ่น BAR 2.0 ALL-IN-ONE

    รายละเอียดสินค้า

    SOUND BAR JBL รุ่น BAR 2.0 ALL-IN-ONE เป็นลำโพงซาวด์บาร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้เสียงที่มีคุณภาพสูงในขนาดกะทัดรัด ด้วยกำลังขับรวม 80 วัตต์และระบบเสียง 2 ชาแนล มาพร้อมกับการเชื่อมต่อบลูทูธและ HDMI ARC ทำให้การติดตั้งและใช้งานง่ายดาย ระบบเสียง Dolby Digital และ JBL Surround Sound ช่วยให้การดูหนังและฟังเพลงมีความสมจริงและน่าทึ่งมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโหมดเสียงอัจฉริยะที่ปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่กำลังรับชม

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    5. SOUND BAR MARKONE รุ่น MM-9909

    รายละเอียดสินค้า

    SOUND BAR Markone รุ่น MM-9909 มาพร้อมพลังเบสหนักสูงสุดถึง 120 วัตต์ และซับวูฟเฟอร์เบสหนักสูงสุดถึง 60 วัตต์ ซาวด์บาร์นี้รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB, AUX, ออปติคัล, HDMI (ARC), และบลูทูธ 5.0 พร้อมฟังก์ชั่น DSP มีจอแสดงผล LED และรีโมทคอนโทรล ขนาดซาวด์บาร์คือ 900x60x70 มม. และซับวูฟเฟอร์ขนาด 180x280x280 มม. ทำจากวัสดุ PVC และกล่องไม้ กำลังไฟเข้า AC 110V-240V 50Hz/60Hz และแรงดันไฟฟ้าที่กำหนด DC 24V, 3.5A

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    6. SOUND BAR AJ รุ่น SB-103

    รายละเอียดสินค้า

    SOUND BAR AJ รุ่น SB-103 เป็นลำโพงที่ออกแบบมาเพื่อให้เสียงที่มีคุณภาพสูงและการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ตัวลำโพงมีการขับเสียงด้วยกำลังขับ 15W x4 (RMS) และมาพร้อมกับซัพวูฟเฟอร์ขนาด 6.5 นิ้วที่มีกำลังขับ 60W (RMS) ทำให้เสียงเบสมีความหนักแน่นและชัดเจน นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth และมีรัศมีการใช้งานถึง 10 เมตร รวมถึงการเชื่อมต่อผ่าน USB, Optical, HDMI (ARC), และ AUX ลำโพงนี้ยังมีวิทยุ FM ในตัว และสามารถควบคุมได้ด้วยรีโมทคอนโทรล ขนาดของลำโพงคือ 1005 x 128 x 120 มม. และน้ำหนัก 3.38 กก. ใช้ไฟฟ้า 220-240 โวลท์ 50/60 เฮิร์ท และกำลังไฟ 90 วัตต์

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    7. SOUND BAR BINNIFA รุ่น LIVE1T

    รายละเอียดสินค้า

    SOUND BAR BINNIFA รุ่น Live1T เป็นลำโพงที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์และฟังเพลงในบ้าน ด้วยกำลังขับ 120W และวัสดุไม้ที่ให้เสียงที่มีคุณภาพสูง การเชื่อมต่อที่หลากหลายทั้งแบบสาย HDMI ARC และไร้สาย Bluetooth 5.3 ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีซับวูฟเฟอร์ 4 ตัวที่ช่วยให้เสียงเบสทรงพลังและมีความลึก

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    8. SOUND BAR SONY รุ่น HT-S100F

    รายละเอียดสินค้า

    SOUND BAR SONY รุ่น HT-S100F เป็นซาวด์บาร์ 2 แชนแนลที่มาพร้อมกับลำโพง Bass Reflex ให้เสียงเบสหนักแน่นโดยไม่เสียรายละเอียดและความชัดใส เหมาะสำหรับการรับชมรายการทีวีและฟังเพลง การออกแบบรูปทรงบางเฉียบของ HT-S100F เข้ากับบ้านของคุณได้อย่างง่ายดายและกลมกลืนกับการตกแต่งภายในทุกแบบ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี S-Force Front Surround ที่จำลองสนามเสียงแบบโรงภาพยนตร์เพื่อเสียงที่เข้มข้นและความเที่ยงตรงสูงทั่วห้องของคุณ สามารถเชื่อมต่อผ่าน USB เพื่อเล่นอัลบั้มโปรดของคุณ หรือสตรีมเพลงแบบไร้สายด้วยเทคโนโลยี Bluetooth

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    9. SOUND BAR TCL รุ่น S522W

    รายละเอียดสินค้า

    SOUND BAR TCL รุ่น S522W ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพเสียงของทีวีของคุณ มีกำลังขับสูงสุด 200 วัตต์ ซับวูฟเฟอร์ไร้สาย และรองรับ Bluetooth 5.1 สำหรับการสตรีมเพลงแบบไร้สาย ซาวด์บาร์มาพร้อมกับการเชื่อมต่อ HDMI ARC, USB และออปติคัล ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสำหรับการตั้งค่าต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีโหมดเสียง 3 โหมด ได้แก่ ภาพยนตร์ เพลง และข่าว เพื่อปรับคุณภาพเสียงให้เหมาะสมที่สุดสำหรับเนื้อหาประเภทต่าง ๆ การออกแบบที่เพรียวบางช่วยให้ติดตั้งได้ทั้งบนโต๊ะและผนัง และยังมีรีโมทคอนโทรลเพื่อการใช้งานที่ง่ายดาย

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    10. SOUND BAR BOSE

    รายละเอียดสินค้า

    เป็นลำโพงซาวด์บาร์ระดับพรีเมียมที่มาพร้อมกับ Dolby Atmos, Apple AirPlay 2, Chromecast, Wi-Fi, Bluetooth, และผู้ช่วยเสียง Alexa และ Google Assistant ในตัว ด้วยการออกแบบที่เรียบหรูและเสียงที่คมชัด ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยมในห้องนั่งเล่น

    ข้อดี
    ข้อด้อย

    บทสรุป 

    การเลือกซื้อ Sound Bar ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมได้อย่างมาก หวังว่าจะช่วยให้คุณสามารถเลือกซื้อที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณได้อย่างดี อย่าลืมศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทดลองฟังเสียงก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อให้ได้ Sound Bar ที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด